กรมสรรพากรได้ออกนโยบายการชำระอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับตราสาร
อิเล็กทรอนิกส์ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 58) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีหน้าที่เสียอากรและยังเป็นการส่งเสริมนโยบาย National e-Payment ของรัฐบาลอีกทางด้วย
กำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ประกาศ ดังต่อไปนี้
1.1 ตราสารอิเล็กทรอนิกส์ = ตราสารแห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ที่จัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
1.2 ผู้ให้บริการ = ผู้ให้บริการจัดทำและยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแทนผู้มีหน้าที่เสียอากรตามประกาศกรมสรรพากร
1.3 รหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์ = รหัสที่กรมสรรพากรออกให้กับผู้ที่มีหน้าที่เสียอากร เพื่อใช้ในการตรวจสอบรายการข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตราสารอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ 2 ตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ต้องชำระอากรเป็นตัวเงินตามมาตรา 103 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
2.1 จ้างทำของ ตามลักษณะแห่งตราสาร 4. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
2.2 กู้ยืมเงินหรือการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ตามลักษณะแห่งตราสาร 5. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
2.3 ใบมอบอำนาจ ตามลักษณะแห่งตราสาร 7. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
2.4 ใบมอบฉันทะสำหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท ตามลักษณะแห่งตราสาร 8. แห่งบัญชีอากรแสตมป์
2.5 ค้ำประกัน ตามลักษณะแห่งตราสาร 17. แห่งบัญชีอัตราอากรแสตมป์
ข้อ 3 ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังต่อไปนี้
3.1 ทางเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยใช้ชื่อผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนเข้าใช้งานระบบการยื่นแบบแสดงภาษีทางเว็บไซต์
3.2 ทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากร
กรณียื่นขอเสียอากรผ่าน application ด้วยตนเองให้แจ้งอธิบดีกรมสรรพากรและดำเนินตามขั้นตอนขอจัดทำและยื่นรายการข้อมูลการเสียภาษีอากรพร้อมข้อตกลงในการจัดทำและเมื่อได้ชื่อผู้ใช้งานจากกรมสรรพากรแล้วให้ใช้ชื่อนั้นในการยื่นอากรเป็นตัวเงินผ่านทาง Application ดังกล่าว
กรณีที่ผู้เสียอากรแต่งตั้งให้ตัวแทนมายื่นขอเสียอากรแทนผ่าน Application ของกรมสรรพากร ให้ผู้เสียอากรพิสูจน์ยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการตามที่ผู้ให้บริการกำหนด
ข้อ 4 ผู้มีหน้าที่เสียอากรจะต้องยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและชำระเงินอากร ก่อนกระทำตราสารหรือภายใน 15 วัน หลังจากกระทำตราสารไม่เว้นวันหยุดราชการ
ข้อ 5 เมื่อผู้มีหน้าที่เสียอากรยื่นขอเสียอากรผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้ว ให้ชำระค่าอากรเข้าทางธนาคารของกรมสรรพากรผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ข้อ 6 ให้ผู้อำนวยการกองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร เป็น “เจ้าหน้าที่รับชำระเงินภาษีอากร” เพื่อรับชำระเงินค่าอากร
ข้อ 7 เมื่อได้ชำระค่าอากร และกรมสรรพากรได้ออกรหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์ พร้อมใบเสร็จรับเงิน ซึ่งมีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้เสียอากรแล้ว ถือว่าแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินสำหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว
ข้อ 8 ผู้มีหน้าที่เสียอากรรับรหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์และใบเสร็จจากกรมสรรพากรได้โดยวิธีการดังนี้
กรณีที่ผู้เสียอากรกระทำตาม ข้อ 3 (1) ให้ดาวน์โหลดผ่านระบบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
กรณีที่ผู้เสียอากรกระทำตาม ข้อ 3 (2) ให้ขอรับผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทาง Application Programming Interface ของกรมสรรพากร
ข้อ 9 ให้นำรหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์ไปใช้อ้างอิงหรือผนวกกับตราสารอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์ตามข้อ 7 แล้ว
ข้อ 10 ประกาศนี้ให้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นไป!!
ขอขอบคุณ : บัญชีภาษีเชิงรุก By Aomsin
!!! สำหรับ ผู้ที่มีจำนวนรายการซื้ออากรแสตมป์เป็นจำนวนมาก ไม่ต้องการบันทึกข้อมูลที่ละรายการที่หน้าจอของกรมสรรพากร คุณสามารถติดต่อสอบถามเพื่อใช้บริการได้ที่ GeStamp Duty