เราคงได้ยินและเห็นกันอยู่บ่อยๆ สำหรับคำว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” (Value Added Tax) หรือ Vat คือ การเก็บภาษีจากการขายสินค้า หรือให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิตและจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการทั้งที่ผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ในปัจจุบันผู้ประกอบการในประเทศไทยจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้บริโภคอัตราร้อยละ 7 หรือ 7% และจะนำส่งให้กับกรมสรรพากรนั่นเอง
ผู้ประกอบการใดบ้างที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตหรือผู้ขายสินค้าในราชอาณาจักรไทย
- การให้บริการในราชอาณาจักรไทยโดยผู้ประกอบการ รวมถึงการให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นๆ ในราชอาณาจักรไทย เช่น
- การให้บริการแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์จากบริษัทต่างประเทศที่ใช้ในไทย
- การบริการที่ได้ทำในราชอาณาจักรไทย แต่ใช้บริการจริง เกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น รับจ้างเขียนซอฟต์แวร์ให้บริษัทต่างชาติไปใช้ในต่างประเทศ
- ผู้ประกอบการที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการ เกินกว่า 8 ล้านบาท/ปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีรายรับเกิน
(ผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ได้รับการยกเว้น แต่มีสิทธิแจ้งขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้)
- ผู้ประกอบการขายสินค้าหรือให้บริการ ให้ยื่นคำขอจดทะเบียน ภายใน 6 เดือน ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการ
การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การขายสินค้าที่มิใช่การส่งออก
เช่น การขายพืชผลทางการเกษตร การขายสัตว์ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย อาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน
- การให้บริการ
เช่น การให้บริการวิจัยหรือให้บริการทางวิชาการ การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ (ซึ่งมิใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศยาน หรือ เรือเดินทะเล) การให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ การให้บริการตามสัญญาจ้างแรงงาน การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น
- การนำเข้าสินค้า
- สินค้าพืชผลทางการเกษตร ขายสัตว์ ปุ๋ย อาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน
- สินค้าจากต่างประเทศที่นำเข้าไปในเขตปลอดอากร (ทั้งนี้ เฉพาะสินค้าที่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น)
- สินค้าที่จำแนกประเภทไว้ในภาคว่าด้วยของที่ได้รับยกเว้นอากรตามกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราศุลกากร
- สินค้าซึ่งนำเข้าและอยู่ในอารักขาของศุลกากรและได้ส่งกลับออกไปต่างประเทศ (โดยได้คืนอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร)
วิธีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ด้วยกระดาษ
- ยื่น ณ สำนักสรรพากรพื้นที่สาขาหรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือ กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
- ยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
- ที่ rd.go.th
- ยื่นแบบคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมจดทะเบียนจัดตั้ง ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัทจำกัด
- ผ่าน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วต้องทำอะไรบ้าง
- จัดทำใบกำกับภาษี
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดทำใบกำกับภาษีและสำเนาใบกำกับภาษี สำหรับการขายสินค้าหรือให้บริการทุกครั้ง แล้วส่งมอบต้นฉบับใบกำกับภาษีแก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และ เก็บรักษาสำเนาใบกำกับภาษี ณ สถานประกอบการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
- จัดทำรายงานภาษีมูลค่าเพิ่ม
- รายงานภาษีขาย : ให้จัดทำและลงรายการ
ภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ระบุไว้ในใบกำกับภาษี
- รายงานภาษีซื้อ : ให้จัดทำและลงรายการ
ภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบกำกับภาษี
- รายงานสินค้าหรือวัตถุดิบ : ให้จัดทำและลงรายการ
ภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่รับมาหรือจ่ายไป
(ผู้ประกอบกิจการให้บริการไม่ต้องจัดทำรายงานนี้)
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) พร้อมกับชำระภาษี (ถ้ามี)
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) เป็นประจำทุกเดือนภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
- ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (rd.go.th) ได้รับสิทธิขยายเวลาการยื่นแบบอีก 8 วัน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีภาษีมูลค่าเพิ่มต้องเสียหรือไม่ก็ตาม
การชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
- การชำระภาษีสำหรับแบบที่ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา
- เงินสด
- เช็คหรือแคชเชียร์เช็ค
เช็คทุกประเภทสั่งจ่ายแก่ “กรมสรรพากร” และขีดฆ่าคำว่า “ผู้ถือ” ออก - บัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตร Tax Smart Card
(เฉพาะสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่มีเครื่องรูดบัตร)
- การชำระภาษีสำหรับแบบที่ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต
- ชำระแบบเชื่อมต่อไปยังระบบชำระเงินของธนาคารโดยตรง
- E-Payment
- Internet Banking
- Credit Card
- ชำระด้วยชุดชำระเงิน (Pay in Slip) หรือ QR Code & Barcode
- Counter Service
- ATM
- Internet Banking
- Mobile Banking
- Tax Smart Card
- ชำระแบบเชื่อมต่อไปยังระบบชำระเงินของธนาคารโดยตรง
เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และบทกำหนดโทษ
ขอบคุณข้อมูล : กรมสรรพากร