You are currently viewing ค่าใช้จ่ายไหน เป็น หรือ ไม่เป็น ค่าใช้จ่ายทางภาษี ?
ค่าใช้จ่ายทางภาษี

ค่าใช้จ่ายไหน เป็น หรือ ไม่เป็น ค่าใช้จ่ายทางภาษี ?

  • Post author:
  • Post category:e-tax invoice

         ผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านคงเคยสงสัยว่าทำไมค่าใช้จ่ายของบริษัทที่เราจ่ายไป แม้จะมีใบเสร็จรับเงินมาถูกต้องครบถ้วน แต่นักบัญชีกลับบอกว่าไม่สามารถนำมา หัก เป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้  หรือจะพูดง่าย ๆ ว่า ค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายไปไม่ช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดภาษีเลย ฉะนั้นวันนี้ เราจะมาทำความเข้าใจไปพร้อมกันว่าค่าใช้จ่ายไหน เป็น หรือ ไม่เป็น ค่าใช้จ่ายทางภาษี

right-arrow

ค่าใช้จ่ายของบริษัท คืออะไร ?

         ค่าใช้จ่ายของบริษัท คือ ต้นทุนชนิดหนึ่งที่กิจการได้ชำระเงินออกไป เพื่อชำระสินค้า หรือบริการ ที่นำมาใช้ในการประกอบกิจการ

         โดยค่าใช้จ่ายของบริษัทจะแยกเป็น “ค่าใช้จ่ายทางบัญชี” และ “ค่าใช้จ่ายทางภาษี”  ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักแยกทั้ง 2 แบบไม่ออก โดยสามารถอธิบายง่าย ๆ ได้ว่า

right-arrow

ค่าใช้จ่ายทางบัญชี

ค่าใช้จ่ายทางบัญชี คือ ค่าใช้จ่ายที่บริษัทจ่ายออกไปเป็นค่าสินค้า หรือบริการ ที่มีหลักฐานการจ่ายเงินถูกต้อง เช่น จ่ายค่าเงินเดือนของลูกจ้าง จ่ายซื้อสินค้าเพื่อนำมาขาย ค่าใช้จ่ายนี้จะถือเป็นต้นทุนขาย

right-arrow

ค่าใช้จ่ายทางภาษี

ค่าใช้จ่ายทางภาษี หมายถึงค่าใช้จ่ายที่กิจการจ่ายเงินออกไป โดยมีหลักฐานการจ่ายเงินถูกต้อง และกฎหมายอนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายมา หัก จากรายได้ ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษี
แต่ค่าใช้จ่ายทางภาษีนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเหมือนกับค่าใช้จ่ายทางบัญชี แต่จะมีข้อยกเว้น โดยค่าใช้จ่ายบางอย่างสามารถเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี แต่ไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ เรียกว่า “ค่าใช้จ่ายต้องห้าม”

right-arrow

ค่าใช้จ่ายต้องห้าม

ค่าใช้จ่ายต้องห้าม คือ รายจ่ายที่สรรพากรกำหนดว่า ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อหักออกจากรายได้ในการคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษีได้นี้ โดยแบ่งออกเป็น 8 ประเภท คือ

1. รายจ่ายส่วนตัวของผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการที่อยู่นอกระเบียบบริษัท

         รายจ่ายส่วนตัวของผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ เช่น ค่าน้ำมันรถของผู้บริหาร ค่ากิน เงินช่วยเหลือ งานบุญ งานบวชที่เป็นของส่วนตัวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท หรือค่าใช้จ่ายสำหรับพนักงาน หรือลูกจ้างที่อยู่นอกระเบียบ ไม่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้อย่างเด็ดขาด

         ซึ่งหากบริษัทต้องการใช้เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทหรือต้องการนำเงินของบริษัทมาจ่าย โดยทางที่ดีที่สุด คือการระบุไว้ในระเบียบของบริษัทอย่างชัดเจน โดยจะถือว่าเงินส่วนนี้เป็นสวัสดิการของบริษัทที่มอบให้แก่พนักงาน จึงจะสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้

2. รายจ่ายเพื่อรับรองลูกค้าที่เกินจากที่กฎหมายกำหนด

         กฎหมายได้กำหนดว่าค่ารับรองลูกค้าของบริษัทนั้นจะต้องไม่เกินหัวละ 2,000 บาทต่อครั้ง และต้องไม่เกิน 0.3% ของรายได้บริษัท และเพดานของรายจ่ายตรงนี้สูงสุดอยู่ที่ 10 ล้านบาท ฉะนั้นรายจ่ายที่เกินจากที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถนำมาหักออกจากรายได้ตอนเสียภาษีได้

3. รายจ่ายที่ไม่มีผู้รับ

         รายจ่ายที่ไม่มีผู้รับ คือ รายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินสดและไม่มีการออกใบเสร็จให้ หรือ ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าจ่ายให้ใคร ซึ่งหากไม่มีที่มาที่ไปในการจ่ายเงินที่ชัดเจน จะไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ โดยส่วนมากจะพบในบริษัทขนาดเล็ก ฉะนั้นบริษัทต้องมีการระบุชื่อผู้รับ ออกใบเสร็จ หรือมีหลักฐานการโอนที่ชัดเจน เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี

4. รายจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม

         รายจ่ายถัดมาเป็นรายจ่ายที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด นั่นคือรายจ่ายที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอธิบายง่าย ๆ ว่า ในบริษัทขนาดใหญ่จะมีการจด VAT ซึ่งบริษัทต้องเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยนำจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มที่สรรพากร

         ยกตัวอย่างเช่น บริษัทขายสินค้าราคา 100 บาท เท่ากับว่าบริษัทรับเงินมาจริง ๆ แค่ 93 บาท ส่วน 7 บาทจะถือว่าเป็นส่วนที่ต้องจ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นเงินจำนวนนี้ จึงไม่ถือว่าเป็นรายจ่ายทางภาษีของบริษัท

5. รายจ่ายให้กับบริษัทแม่หรือบริษัทลูก

         ในทางบัญชีปกติค่าใช้จ่ายที่บริษัทแม่จ่ายให้กับบริษัทลูกจะถือว่าเป็นค่าใช้จ่าย แต่ในทางภาษีตามกฎหมายไทยนั้น บริษัททั้งสองจะถือว่าเป็นบริษัทเดียวกัน ดังนั้นการซื้อสินค้าและบริการให้กัน จึงเป็นเรื่องของการไหลเวียนของเงินในบริษัทเท่านั้น ไม่สามารถนับเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้

6. รายจ่ายค่าอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง

         โดยปกติแล้วในทางบัญชีจะมีการประเมินมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์อยู่เสมอ เพื่อสะท้อนมูลค่าของสินทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลง ในกรณีที่มูลค่าสินทรัพย์ลดลง ทางบัญชีจะถือว่าเป็นรายจ่ายในงบการเงิน แต่ในทางภาษีไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ เนื่องจากการประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถบอกราคาที่แท้จริงได้ จะสะท้อนได้จริงก็ต่อเมื่อมีการขายเกิดขึ้นจริง ทางสรรพากรจึงห้ามเอามูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่ลดลงไปมาคิดเป็นรายจ่ายเด็ดขาด

7. รายจ่ายทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป

         รายจ่ายทรัพยากรธรรมชาติที่เสียไป ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ บริษัททำธุรกิจตัดไม้มาขาย แน่นอนว่าไม้ที่ตัดไปย่อมทำให้ทรัพยากรที่มีลดลง โดยในทางบัญชีโดยทั่วไปจะถือว่าเป็นรายจ่ายได้ แต่ในทางภาษีจะไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่สามารถประเมินมูลค่าทรัพยากรที่ถูกใช้ไปได้ และไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในการประเมินเพื่อหามูลค่าที่เสียไป ซึ่งถ้าเปิดโอกาสให้เอาส่วนนี้มาเป็นค่าใช้จ่าย บริษัทก็มีแนวโน้มจะประเมินมูลค่าทรัพยากรที่เสียไปเกินจริง เพื่อเป็นการประหยัดทางภาษีให้กับบริษัท

8. รายจ่ายค่าปรับ

         ค่าปรับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอกับบริษัทไม่ว่าบริษัทจะทำผิดกฎหมายระดับเล็กน้อยหรือมาก และเมื่อต้องเสียค่าปรับ แน่นอนว่าเงินส่วนนี้เป็นของบริษัทที่จ่ายออกไป โดยในทางบัญชีทั่วไปก็ต้องคิดเป็นรายจ่าย แต่ในทางภาษีเราไม่สามารถเอาพวกค่าปรับต่าง ๆ มาคำนวณในส่วนของค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ โดยสรรพากรมองว่า หากบริษัทปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ย่อมไม่เกิดค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ จึงถือว่าค่าปรับไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในทางภาษี

ตัวอย่าง

ค่าใช้จ่ายทางภาษี
ค่าใช้จ่ายทางภาษี

สรุปคือ

ค่าใช้จ่ายทางภาษี