You are currently viewing ไขข้อสงสัย “ช้อปดีมีคืน 2566”

ไขข้อสงสัย “ช้อปดีมีคืน 2566”

  • Post author:
  • Post category:e-tax invoice

    ช้อปดีมีคืน 2566 คือ มาตรการสำคัญที่เป็นตัวชูโรง ที่จะเปิดให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง วงเงินสูงสุด 4 หมื่นบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 -15 กุมภาพันธ์ 2566

right-arrow

ไขข้อสงสัย "ช้อปดีมีคืน 2566"

right-arrow

คำถาม : มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” เป็นการให้สิทธิประโยชน์อะไร

คำตอบ : ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่ นิติบุคคล หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสําหรับ การซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ตามจํานวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท

right-arrow

คำถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร

คำตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้นไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

right-arrow

คำถาม : การให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไขอย่างไร

คำตอบ :

  • กําหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือ คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือ ค่าบริการสําหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ตามจํานวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท โดยแบ่งเป็น

1.1) ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จํานวนไม่เกิน 30,000 บาท จะต้องมีใบกํากับภาษีเต็มรูปในรูปแบบ กระดาษหรือใบกํากับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกํากับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับ อิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร และ

1.2) ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ จํานวนไม่เกิน 10,000 บาท จากส่วนที่เกิน 1.1) จะต้องมีใบกํากับ ภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรเท่านั้น

    ทั้งนี้ e-Tax Invoice ในที่นี้หมายความรวมถึง e-Tax Invoice by Email ด้วย และตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด

  • หลักเกณฑ์

2.1) ค่าสินค้าหรือค่าบริการไม่รวมถึง

    2.1.1 ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
    2.1.2 ค่าซื้อยาสูบ
    2.1.3 ค่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
    2.1.4 ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
    2.1.5 ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
    2.1.6 ค่าบริการจัดนําเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนําเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนําเที่ยวและมัคคุเทศก์
    2.1.7 ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
    2.1.8 ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ําประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณ อินเทอร์เน็ต
    2.1.9 ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าว นอกเหนือจากระยะเวลาตามที่กําหนดในข้อ 1) เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ
    2.1.10 ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

2.2) ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับใบกํากับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ดังต่อไปนี้จะจ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้

    2.2.1 ค่าซื้อหนังสือ
    2.2.2 ค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)
    2.2.3 ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรการพัฒนาชุมชนแล้ว กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการตาม 2.2.1) – 2.2.3) จากผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สําหรับจํานวนไม่เกิน 30,000 บาท ตาม 1.1) ต้องได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากร ในรูปแบบกระดาษหรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ส่วนจํานวนไม่เกิน 10,000 บาท ตาม 1.2) ต้อง ได้รับใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรในรูปแบบใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้น

  • หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด เช่น วิธีการใช้สิทธิ์โดยทั่วไป วิธีการใช้สิทธิ์ของสามีและภริยา ข้อห้ามการใช้สิทธิ์ของผู้มีเงินได้ที่เป็น ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หลักฐานประกอบการใช้สิทธิ์ เป็นต้น
right-arrow

คำถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร

คำตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้นไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

right-arrow

คำถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร

คำตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้นไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

right-arrow

คำถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร

คำตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้นไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

right-arrow

คำถาม : ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการใดบ้างที่สามารถนํามาหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้

คำตอบ :  

  • ค่าซื้อสินค้าและค่าบริการทุกประเภทที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถนํามาหักลดหย่อนตามมาตรการนี้ได้ ยกเว้นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้

1.1) ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
1.2) ค่าซื้อยาสูบ
1.3) ค่าซื้อรถยนต์ รถ จักรยานยนต์ และเรือ
1.4) ค่าซื้อหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
1.5) ค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
1.6) ค่าบริการจัดนําเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนําเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนําเที่ยวและมัคคุเทศก์
1.7) ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
1.8) ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ําประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
1.9) ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจาก ระยะเวลาตามที่กําหนด (1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566) เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ
1.10) ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

  • ผู้มีเงินได้ต้องจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับ ใบกํากับภาษีเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้จะ จ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็ได้

2.1) ค่าซื้อหนังสือ
2.2) ค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)
2.3) ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว

right-arrow

คำถาม : ค่าซื้ออาหารในโรงแรมสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ได้หากโรงแรมเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

right-arrow

คำถาม : ค่าซ่อมรถสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ได้หากร้านเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

right-arrow

คำถาม : น้ํามันชนิดใดที่สามารถนํามาหักลดหย่อนได้

คำตอบ : น้ํามันและก๊าซสําหรับเติมยานพาหนะที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

right-arrow

คำถาม : กรณีซื้อทองรูปพรรณสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : สามารถนํามาหักลดหย่อนได้เฉพาะค่ากําเหน็จ (ตามมลูค่าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม)

right-arrow

คำถาม : ผู้ใช้สิทธิประโยชน์ มาตรการ “ช้อปดีมีคืน ปี 2566” คือใคร

คำตอบ : บุคคลธรรมดาเท่านั้นไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

right-arrow

คำถาม : ค่าซื้อแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวในประเทศสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้เนื่องจากการค่าบริการนั้นไม่รวมถึงค่าบริการจัดนําเที่ยว

right-arrow

คำถาม : กรณีจ่ายค่าที่พักโรงแรมหรือจ่ายค่าบริการนําเที่ยวระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการค่าบริการนั้นไม่รวมถึงค่าที่พักโรงแรมและค่าบริการจัดนําเที่ยว

right-arrow

คำถาม : ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ําประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ สามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้

right-arrow

คำถาม : กรณีมีสัญญาใช้บริการระยะยาวที่มีระยะเวลาสัญญาเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุด หลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีส่วนที่ชําระและใช้บริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถงึ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถนําค่าบริการเฉพาะส่วนที่ใช้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวมา หักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากเป็นค่าบริการสําหรับบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม 2566 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566

right-arrow

คำถาม : กรณีชําระค่าบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ได้ใช้บริการหลัง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากต้องชําระค่าบริการและใช้บริการระหว่างวันที่1มกราคม2566ถึงวันที่15กุมภาพันธ์ 2566 เท่านั้น

right-arrow

คำถาม : ค่าซื้อประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ หรือประกันรถยนต์สามารถนํามาหักลดหย่อนได้ หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้

  • ค่าซื้อประกันชีวิต ไม่สามารถนํามาหักลดหย่อนได้ เนื่องจากเป็นบริการที่ไม่อยู่บังคับต้องเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ขอให้พิจารณาใช้สิทธิหักลดหย่อนค่าซื้อเบี้ยประกันชีวิตตามประมวลรัษฎากร (มาตรา 47 (1) (ง)) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 พ.ศ. 2509 ข้อ 2 (61) ไม่เกินจํานวน 100,000 บาทแทน
  • ค่าซื้อประกันวินาศภัย ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ไม่สามารถนํามาหักลดหย่อนได้
right-arrow

คำถาม : การซื้อทองคําแท่งสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากทองคําแท่งเป็นสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการไม่มีสิทธิ์ออกใบกํากับ ภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ์

right-arrow

คำถาม : ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทําศัลยกรรมสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการให้บริการของสถานพยาบาลได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการไม่มีสิทธิ์ออก ใบกำกับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ์

right-arrow

คำถาม : ค่าซื้อบัตรเพื่อแลกรับบริการสามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรเพื่อแลกรับบริการไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายบัตรเพื่อแลก รับบริการไม่มีสิทธิ์ออกใบกํากับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ์ แต่หากนําบัตรเพื่อแลกรับบริการไป แลกรับบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งคํานวณเป็นจํานวนเงินและ ออกใบกํากับภาษีได้ สามารถนําใบกํากับภาษีมาเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ์

right-arrow

คำถาม : ค่าซื้อบัตรของขวัญของห้างสรรพสินค้า (Gift voucher) ค่าซื้อบัตรของขวัญ (Voucher) สําหรับ ค่าซื้ออาหารของโรงแรม หรือบัตรเติมเงินค่าโทรศัพท์สามารถนํามาหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรของขวัญ/บัตรเติมเงินไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ขายบัตร ของขวัญ/เติมเงินไม่มีสิทธิ์ออกใบกํากับภาษีอันเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ์ แต่หาก นําบัตรของขวัญ/บัตรเติมเงินไปแลกซื้อสินค้าหรือบริการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งคํานวณเป็นจํานวนเงินและออกใบกํากับภาษีได้ สามารถนําใบกํากับภาษีมาเป็น หลักฐานในการใช้สิทธิ์

right-arrow

คำถาม : ต้องใช้หลักฐานใดในการใช้สิทธิ์หักลดหย่อน

คำตอบ :

หลักฐานที่ใช้คือใบกํากับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา86/4 แห่งประมวลรัษฎากร (ใบกํากับภาษีที่มีข้อความระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ) เว้นแต่สินค้าหรือบริการดังต่อไปนี้ที่ซื้อมาจากผู้ประกอบการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีหลักฐานใบรับซึ่งมีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 105 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรพร้อม ระบุชื่อและนามสกุลของผู้มีเงินได้

  • หนังสือ
  • หนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)
  • สินค้าหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
right-arrow

คำถาม : ใบกํากับภาษีแบบเต็มรูปตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากรที่สามารถนํามาเป็นหลักฐาน ในการใช้สิทธิ์หักลดหย่อนหมายถึงอะไร

คำตอบ : ใบกํากับภาษีที่มีรายการอย่างน้อยดังต่อไปนี้

  1. คําว่า “ใบกํากับภาษี” ในที่ที่เห็นได้เด่นชัด
  2. ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกํากับภาษี
  3. ชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ
  4. หมายเลขลําดับของใบกํากับภาษี และหมายเลขลําดับของเล่ม (ถ้ามี)
  5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ
  6. จํานวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่คํานวณจากมูลค่าของสินค้าหรือของบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าของ สินค้าและหรือของบริการให้ชัดแจ้ง
  7. วัน เดือน ปี ที่ออกใบกํากับภาษี
  8. ข้อความอื่นที่อธิบดีกําหนด เช่น คําว่าเอกสารออกเป็นชุด สําเนาใบกํากับภาษี ฯลฯ
right-arrow

คำถาม : ใบกํากับภาษีมีข้อความไม่สมบูรณ์ เช่น เขียนชื่อหรือที่อยู่ผู้ซื้อสินค้าผิด หรือมีการแก้ไขสามารถนํามา เป็นหลักฐานได้หรือไม่

คำตอบ : หากใบกํากับภาษีนั้นมีรายการครบถ้วนตามมาตรา 86/4 แห่งประมวลรัษฎากร แม้จะมีการเขียนชื่อหรือ ที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าผิด หรือมีการแก้ไขข้อความ ก็สามารถนํามาเป็นหลักฐานได้

right-arrow

คำถาม : ผู้ซื้อมีที่อยู่ตามบัตรประชาชนกับที่อยู่ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแตกต่างกันให้ใช้ ที่อยู่ใด

คำตอบ : จะใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชนหรือที่อยู่ปัจจุบันก็ได้

right-arrow

คำถาม : กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการหลายครั้ง (มีใบกํากับภาษีหลายใบ) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะสามารถนํามูลค่าการซื้อสินค้าหรือการรับบริการแต่ละครั้งมารวมกัน เพื่อใช้สิทธิ์ได้หรือไม่

คำตอบ : การซื้อสินค้าหรือการรับบริการในแต่ละครั้งหากมีมูลค่าไม่ถึงที่กําหนดในแต่ละกรณีสามารถนําหลายครั้งมารวมกันได้

right-arrow

คำถาม : กรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการครั้งเดียว (มีใบกํากับภาษี 1 ใบ) ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมูลค่าการซื้อสินค้าหรือการรับบริการนั้นสูงกว่า 40,000 บาท สามารถนํามา เป็นหลักฐานได้หรือไม่

คำตอบ : สามารถใช้สิทธิ์ตามมาตรการนี้ได้ เฉพาะมูลค่าสินค้าหรือบริการส่วนที่ไม่เกิน 40,000 บาท

right-arrow

คำถาม : ใบกํากับภาษีมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหลายคนสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่

คำตอบ : ไม่ได้ ใบกํากับภาษีต้องมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหรือรับบริการเพียงคนเดียว

right-arrow

คำถาม : กรณีใบกํากับภาษีมีทั้งรายการสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จะหักลดหย่อนอย่างไร

คำตอบ :

สามารถนํามาหักลดหย่อนได้เฉพาะค่าซื้อสินค้าและค่าบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่สินค้าหรือ บริการดังต่อไปนี้สามารถนํามาหักลดหย่อนได้ แม้จ่ายให้แก่ผู้มิใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

  1. หนังสือ
  2. หนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)
  3. สินค้าหนึ่งตําบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
right-arrow

คำถาม : ใบรับตามมาตรา 105 แห่งประมวลรัษฎากรที่สามารถนํามาเป็นหลักฐานในการใช้สิทธิ์หักลดหย่อน หมายถึงอะไร

คำตอบ : ใบรับที่มีรายการอย่างน้อยตามมาตรา 105 ทวิแห่งประมวลรัษฎากรดังต่อไปนี้ พร้อมชื่อและนามสกุลของ ผู้มีเงินได้

  1. เลขประจําตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ออกใบรับ
  2. ชื่อหรือยี่ห้อของผู้ออกใบรับ
  3. เลขลําดับของเล่มและของใบรับ
  4. วันเดือนปีที่ออกใบรับ
  5. จํานวนเงินที่รับ
  6. ชนิด ชื่อ จํานวนและราคาสินค้าในกรณีการขายสินค้าที่มีราคาตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
right-arrow

คำถาม : สามารถขอรับใบกํากับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt ได้อย่างไร

คำตอบ : ประชาชนสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ต่อผู้ประกอบการที่ได้รับ อนุมัตจิากกรมสรรพากร

right-arrow

คำถาม : ผู้ขอรับใบกํากับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt จะได้รับเป็นอย่างไร

คำตอบ : โดยทั่วไปผู้ประกอบการจะจัดส่งไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ให้ทางอีเมล

right-arrow

คำถาม : ผู้ขอรับใบกํากับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt สามารถขอให้ ผู้ประกอบการจัดพิมพ์ในรูปแบบกระดาษด้วยได้หรือไม่

คำตอบ : ได้ แต่ไม่ต้องนําส่งให้แก่กรมสรรพากร

right-arrow

คำถาม : สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่เข้าร่วม e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ที่ใด

คำตอบ : สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับอนุมัติได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร

right-arrow

คำถาม : ผู้ประกอบการสามารถสมัครเข้าร่วม e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้อย่างไร

คำตอบ :

  1. ผู้ประกอบการทั่วไป สามารถสมัคร e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร หรือ ที่ https://etax.rd.go.th
  2. ในกรณีผู้ประกอบการมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปีและต้องการสมัคร e-Tax Invoice by Email สามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร
right-arrow

คำถาม : กรณีได้รับใบกํากับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice หรือใบรับในรูปแบบ e-Receipt จะใช้หลักฐานใด ในการใช้สิทธิ์

คำตอบ : ผู้ประกอบการจะนําส่งข้อมูล e-Tax Invoice และ e-Receipt ให้แก่กรมสรรพากร และกรมสรรพากร จะนําข้อมูลดังกล่าวของผู้มีเงินได้แต่ละคนขึ้นบน My Tax Account (ปีภาษี 2566 ที่จะยื่นแบบฯ ภายใน วันที่ 31 มีนาคม 2567) ซึ่งเข้าถึงได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร โดยผู้มีเงินได้สามารถตรวจสอบข้อมูล และนําไปใช้ในการกรอกแบบแสดงรายการภาษีตามสิทธิ์หักลดหย่อนที่ได้รับ โดยไม่ต้องนําส่งหลักฐาน ให้แก่กรมสรรพากรอีก

right-arrow

คำถาม : ผู้ประกอบการได้ประโยชน์อย่างไรจากการออกใบกํากับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice และการออก ใบรับในรูปแบบ e-Receipt

คำตอบ : มีต้นทุนการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีลดลง เพราะ e-Tax Invoice และ e-Receipt มีต้นทุนต่ํากว่าแบบ กระดาษและกรมสรรพากรยังให้หักรายจ่ายการลงทุนและค่าใช้บริการระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt ได้ 2 เท่าตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 718) พ.ศ. 2564

right-arrow

คำถาม : ประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรจากการรับใบกํากับภาษีในรูปแบบ e-Tax Invoice และการรับใบรับใน รูปแบบ e-Receipt

คำตอบ : ไม่ต้องเก็บรักษาใบกํากับภาษีหรือใบรับและนําส่งให้แก่กรมสรรพากร โดยสามารถใช้ข้อมูล e-Tax Invoice และ e-Receipt ในฐานข้อมูลของกรมสรรพากรในการยื่นแบบแสดงรายการภาษี (กรมสรรพากร จะนําขึ้นบน My Tax Account ปีภาษี 2566 ที่จะยื่นแบบฯ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2567) และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรจะไม่ขอให้ส่งใบกํากับภาษีหรือใบรับอีก ซึ่งส่งผลให้การพิจารณาคืนภาษี สามารถดําเนินการได้รวดเร็ว

ที่มา : กรมสรรพากร