การเปลี่ยนแปลงด้านภาษีในประเทศไทยกำลังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกับระบบ e-Tax Invoice หรือใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ที่กำลังกลายเป็น “มาตรฐานใหม่” ของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ SME หรือร้านค้าออนไลน์ต่างก็เปลี่ยนมาใช้งานระบบ e-Tax Invoice ในการดำเนินธุรกิจ
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำไมผู้ประกอบการถึงควรรีบปรับตัว? และแนวโน้มครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร? บทความ getInvoice นี้มีคำตอบ
จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการ e-Tax Invoice ล่าสุด ปี 2568
แม้ข้อมูลอย่างเป็นทางการสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2568 ยังไม่มีประกาศออกมาชัดเจน แต่จากข้อมูลของกรมสรรพากรช่วงต้นปี ระบุว่า:
- มีผู้ประกอบการที่สามารถออก e-Tax Invoice & e-Receipt มี 8,547 ราย
- ผู้ประกอบการที่สามารถออก e-Tax Invoice & e-Receipt ที่ใช้ระบบแบบ Time Stamp (ออกใบกำกับภาษีแบบง่าย) มี 8,552 ราย
เมื่อรวมกันแล้วมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 17,099 รายทั่วประเทศ (ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2568) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด และตัวเลขนี้ยังคง “โตต่อเนื่อง” จากการที่ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุนใน 2-3 ปีที่ผ่านมา
getInvoice ทำให้ e-tax Invoice เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ!!!
ทำไมองค์กรส่วนใหญ่เริ่มเปลี่ยนมาใช้ e-Tax Invoice ?
เพราะระบบ e-Tax Invoice ไม่ได้เป็นแค่เรื่องภาษีอีกต่อไป แต่มันคือ “การเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ดิจิทัล” อย่างแท้จริง และนี่คือเหตุผลที่หลายธุรกิจไม่รออีกต่อไป:
✅ ลดต้นทุนภายในองค์กร
- ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเอกสารกระดาษ ไม่ต้องใช้ทั้งกระดาษ หมึก และเครื่องพิมพ์
- ลดค่าใช้จ่ายจัดส่งเอกสารผ่านช่องทางขนส่งต่างๆ
- ลดค่าใช้จ่ายการจัดเก็บและลดพื้นที่จัดเก็บเอกสาร
✅ ลดภาระงาน ความผิดพลาดและความเสี่ยงต่างๆ
- ลดระยะเวลาการค้นหาเอกสารย้อนหลัง
- ระบบช่วยตรวจสอบความถูกต้องก่อนส่งไปหาลูกค้าและสรรพากร
- ลดความเสี่ยงโอกาสเอกสารสูญหายและโดนปลอมแปลง
✅ ใช้งานง่ายกว่าที่คิด
- ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ e-Tax Invoice ที่เชื่อมกับระบบบัญชีหรือ ERP ได้ทันที สะดวกต่อการใช้งานของฝ่ายบัญชี
- รองรับทั้งบริษัทใหญ่และธุรกิจขนาดเล็ก
✅ สิทธิประโยชน์จากภาครัฐ (ลดต้นทุนภาษี)
ที่ผ่านมารัฐบาลออกโครงการลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นได้ประโยชน์ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายหากออกใบกำกับภาษีเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ดังนี้:
โครงการลดหย่อนภาษีของผู้ขาย:
- โครงการ “บริษัทหรือห้างหุ่นส่วนนิติบุคคลหักรายจ่าย 2 เท่า สำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์” (ลดหย่อนภาษี 2 เท่า ได้ถึง 31 ธันวาคม 2568)
โครงการลดหย่อนภาษีของผู้ซื้อ:
- ปี 2566 โครงการ “ช้อปดีมีคืน” ลดหย่อนภาษีเต็มรูปแบบกระดาษ 30,000 บาท และ ลดหย่อนเพิ่มเติมได้อีกไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายผ่าน e-Tax Invoice & e-Receipt
- ปี 2567 โครงการ “Easy e-Receipt” ช่วยให้ผู้ประกอบการที่ออก e e-Tax Invoice & e-Receipt ได้สิทธิหักลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท
- ปี 2568 โครงการ “Easy e-Receipt” ช่วยให้ผู้ประกอบการที่ออก e e-Tax Invoice & e-Receipt ได้สิทธิหักลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท โดยค่าใช้จ่ายผ่าน e-Tax Invoice & e-Receipt ได้ลดหย่อนสูงสุด 30,000 บาท และ ค่าใช้จ่ายกับร้านค้าท้องถิ่นอีก 20,000 บาท
ใช้งาน getInvoice (e-tax Invoice) หักรายจ่ายค่าบริการระบบดังกล่าวได้ 2 เท่า!!
เทรนด์ e-Tax Invoice ครึ่งปี 2568
แนวโน้มของระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ในครึ่งปีนี้ มีทิศทางที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในด้าน “การใช้งานในวงกว้าง” และ “เชื่อมต่อกับช่องทางออนไลน์” ดังนี้:
- ขยายการใช้งานในกลุ่ม SME
กรมสรรพากรและผู้ให้บริการระบบบัญชีต่างๆ สนับสนุนให้ SME ใช้ e-Tax Invoice มากขึ้น เพราะสามารถเริ่มได้ง่าย ไม่ต้องลงทุนสูง และตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ - เชื่อมต่อกับ e-Commerce
ร้านค้าใน Shopee, Lazada TikTok Shop หรือ Line Shopping สามารถเชื่อมต่อระบบ e-Tax Invoice ได้ทันที เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการขอใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่ายขึ้น - เชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ขององค์กรได้
หลายองค์กรเริ่มใช้ e-Tax Invoice ร่วมกับระบบบัญชีและระบบอื่นๆภายในองค์กรที่สามารถเชื่อมต่อได้อัตโนมัติ ทำให้การทำงานมีความรวดเร็วขึ้นหลายเท่า (Seamless e-Tax Invoice (getInvoice))
ถ้าองค์กรของคุณยังไม่ได้ใช้ e-Tax Invoice จะเสียโอกาสอะไรบ้าง ?
สิ่งที่คุณพลาด | ผลกระทบต่อองค์กร |
|
|
|
|
|
|
|
|
สรุป: ปีนี้…อย่ารอให้คนอื่นเปลี่ยนก่อน!!!
e-Tax Invoice ไม่ใช่แค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันคือสิ่งที่ธุรกิจต้องมี เพราะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความแม่นยำ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรในยุคดิจิทัล
หากคุณยังลังเล บทความนี้อาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้คุณเริ่มต้น ก่อนจะสายเกินไป เพราะสุดท้าย… ”การไม่เปลี่ยน คือความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกธุรกิจยุคนี้”
เริ่มต้นง่ายๆ เปลี่ยนมาใช้ระบบ e-Tax Invoice ให้ความยุ่งยากเป็นเรื่องของ getInvoice