คำร้องที่ใช้ในการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ขอคืนเป็นเครดิตภาษี เพื่อยกไปใช้ในเดือนภาษีถัดไป
- ยื่นแบบ ภ.พ.30 กรณีการยื่นแบบปกติเท่านั้น (กรณีการยื่นแบบขอคืนเพิ่มเติม ให้ขอคืนเป็นเงินสด)
- ขอคืนเป็นเงินสด ให้ขอคืนด้วยแบบแสดงรายการต่อไปนี้
- แบบ ภ.พ.30
- ลงลายมือชื่อในช่อง “การขอคืนภาษี” และ “คำรับรอง” ท้ายแบบ ภ.พ.30
- แบบ ค.10 เฉพาะกรณีต่อไปนี้
- ขอคืนเป็นเครดิตไว้ แต่ไม่ได้นำไปใช้ในเดือนภาษีถัดไป
- ไม่ลงลายมือชื่อในแบบ ภ.พ.30
- ยื่นแบบ ภ.พ.30 โดยแสดงยอดขายและยอดซื้อไว้ถูกต้อง แต่แสดง ภาษีขายไว้เกินหรือภาษีซื้อไว้ขาด
- ยื่นแบบ ภ.พ.30 ชำระภาษีไว้ซ้ำ
- ไม่มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.30 แต่ได้ชำระภาษีไว้
- กรณีอื่นที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ในการขอคืนด้วยแบบ ภ.พ.30
- แบบ ภ.พ.30
ระยะเวลาที่มีสิทธิขอคืน
”3 ปี นับแต่วันที่พ้นกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับเดือนภาษีนั้น หรือ นับแต่วันที่ชำระภาษี”
getInvoice ทำให้ e-tax Invoice เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ!!!
ช่องทางในการขอคืน
- ยื่นคำร้องขอคืนผ่านอินเทอร์เน็ต
- ยื่นผ่าน E-FILING https://efiling.rd.go.th/
**ภายในวันที่ 23 ของเดือนถัดไป (ขยายเวลาการยื่นแบบ ภ.พ.30 ผ่านอินเทอร์เน็ต ถึงวันที่ 31 มกราคม 2570)**
*ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (ฉบับที่ 8) ลงวันที่ 1 มีนาคม 2567*
- ยื่นผ่าน E-FILING https://efiling.rd.go.th/
- ยื่นคำร้องขอคืนด้วยแบบกระดาษ
- ให้ยื่นคำร้อง แยกเป็นรายสถานประกอบการ เว้นแต่ ได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน
- กรณีขอคืนด้วยแบบ ภ.พ.30
ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่ได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบรวม
*ฉบับปกติ ยื่นภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป*
- กรณีขอคืนด้วยแบบ ค.10
ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ หรือ กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่
(เฉพาะกรณีรายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่)
- กรณีขอคืนด้วยแบบ ภ.พ.30
- ให้ยื่นคำร้อง แยกเป็นรายสถานประกอบการ เว้นแต่ ได้รับอนุมัติให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษี และชำระภาษีมูลค่าเพิ่มรวมกัน
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์มูลเหตุการขอคืน
เจ้าหน้าที่จะทำการวิเคราะห์แบบขอคืน หากพบประเด็นความผิดหรือเหตุสงสัย จะดำเนินการตรจสอบเพื่อสอบถามมูลเหตุการณ์ขอคืน และแจ้งให้นำส่งเอกสารเพื่อใช้ในการพิจารณาการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม
การพบเจ้าหน้าที่
- เตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องของกิจการเพื่อความรวดเร็วในการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น
- รายงานภาษีขายและสำเนาใบกำกับภาษีขาย
- รายงานภาษีซื้อและต้นฉบับใบกำกับภาษีซื้อ
- รายงานสินค้าและวัตถุดิบ ยกเว้นกิจการให้บริการ
- รายการเดินบัญชี (Statement) หลักฐานการจ่ายเงิน
- หลักฐานการบัญชี
หมายเหตุ : “พร้อมเตรียมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีอื่นๆ (ถ้ามี) เช่น การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย/การปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์/การขีดฆ่าอากรแสตมป์”
- เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อชี้แจงและส่งมอบเอกสาร
- เข้าพบด้วยตนเอง
- ติดต่อเจ้าหน้าที่ตามช่องทางที่เจ้าหน้าที่แจ้งไว้
- มอบอำนาจ
กรณีไม่สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้ด้วยตนเองให้มอบอำนาจแก่ผู้ที่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการ พร้อมปิดอากรแสตมป์หนังสือมอบอำนาจ
- เข้าพบด้วยตนเอง
- ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุผลที่ขอคืน
- เช่น มีการลุงทุนในทรัพย์สิน, มีการก่อสร้างอาคารเพื่อขยายกิจการ ฯลฯ
การรับทราบผลการตรวจ
- ไม่พบ ประเด็นความผิด
- ผู้ขอคืนจะได้รับเงินภาษีอากรคืนตามมูลค่าที่ขอคืน
- พบ ประเด็นความผิด
- ผู้ขอคืนจะได้รับเงินภาษีอากรน้อยกว่ามูลค่าที่ขอคืนหรือไม่ได้รับเงินคืน หรือ มีเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มที่ต้องชำระ
“หากมีเบี้ยปรับ ผู้ขอคืนสามารถยื่นคำร้องของดหรือลดเบี้ยปรับด้วยแบบคำร้องของดหรือลดเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มภาษีอากรได้ “
- หากพบประเด็นความผิดเชื่อมโยงไปถึงการเสียภาษีเงินได้ผู้ประกอบการอาจจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้เพิ่มเติมให้สอดคล้องกับประเด็นความผิด
- ผู้ขอคืนจะได้รับเงินภาษีอากรน้อยกว่ามูลค่าที่ขอคืนหรือไม่ได้รับเงินคืน หรือ มีเบี้ยปรับหรือเงินเพิ่มที่ต้องชำระ
การยื่นอุทธรณ์
หากผลการตรวจสอบพบประเด็นความผิด หรือ หากไม่เห็นด้วยกับผลการคืนภาษี ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำร้องขออุทธรณ์ได้ โดยใช้แบบคำอุทธรณ์ (ภ.ส.6) ภายในระยะเวลาที่กำหนด
- กำหนดเวลาการยื่นอุทธรณ์
- ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนภาษีอากร (ค.20) หรือ หนังสือแจ้งไม่คืนเงินภาษีอากร (ค.30)
- ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.72 /ภ.พ.72.1) หรือ หนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.73 /ภ.พ.73.1)
- สถานที่ยื่นอุทธรณ์
- สำนักงานสรรพากรภาคที่รับผิดชอบ
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่
- กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ *(เฉพาะกรณีรายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองบริหารธุรกิจขนาดใหญ่)
สำหรับร้านค้าที่ต้องการใช้ระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt) สอบถามเพิ่มเติม getInvoice ได้เลย
ตัวอย่างเอกสารที่ควรจัดเตรียมเพื่อชี้แจงต่อกรมสรรพากรเพื่อประกอบการพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่มตามประเภทธุรกิจ
- เอกสารทั่วไป
- สำเนาใบกำกับภาษีขายและต้นฉบับใบกำกับภาษีซื้อ
- รายงานภาษีขาย, รายงานภาษีซื้อ
- รายงานสินค้าและวัตถุดิบ (ยกเว้นกิจการให้บริการ)
- แบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เช่น ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.2, ภ.ง.ด.3 เป็นต้น
- หลักฐานการบันทึกบัญชี
- หลักฐานการรับ-จ่ายเงิน เช่น รายการเดินบัญชี (Statement), ฯลฯ
- หลักฐานการมีเงินได้หรือค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี)
กรณีข้อมูลเอกสารถูกจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และจัดส่งให้กรมสรรพากรแล้ว ไม่ต้องส่งมอบให้เจ้าหน้าที่
- เอกสารตามธุรกรรมของกิจการ
เพื่อนำพิสูจน์ความถูกต้องและมีอยู่จริงของธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ธุรกิจส่งออกสินค้า
- สำเนาใบขนส่งสินค้าขาออก
- หลักฐานการรับชำระเงิน เช่น
- หลักฐานการเปิด L/C (Letter of Credit)
- T/T (Telex Transfer)
- ธุรกิจโรงแรม
- บัตรทะเบียนผู้พักโรงแรม (ร.ร.3)
- สัญญาการเช่าหรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
- ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์
- สัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่าย
- สัญญาจองรถยนต์ หรือ ใบสั่งจองรถยนต์
- ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
- หลักฐานการรับจ้าง เช่น สัญญารับจ้าง, Bill of Quantities (BoQ) เป็นต้น
- สัญญาจ้างเหมา หรือ สัญญาก่อสร้าง
ที่มา : กรมสรรพากร
getInvoice ทำให้ e-tax Invoice เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ!!!