ในยุค COVID-19 ทำให้อาชีพและสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีทั้งอาชีพที่แย่ลงหลังจาก COVID-19 และอาชีพที่บูมขึ้นมา นั่นก็คือ อาชีพ “แม่ค้าออนไลน์” เนื่องจากสถาณการณ์ในปัจจุบันที่ต้องเว้นระยะห่างกับคนอื่น ความล้ำสมัยของเทคโนโลยีในปัจจุบัน และการขนส่งที่รวดเร็ว ทำให้อาชีพแม่ค้าออนไลน์ เป็นอาชีพที่ตอบโจทย์คนในยุคนี้เป็นอย่างมาก ความสะดวกสบายนี้เองทำให้มีเหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หน้าใหม่ แวะเวียนมาเปิดร้านในแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเรื่องน่ารู้ของแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ นอกจากจะต้องหาสินค้า แต่งรูป ไลฟ์สด เพื่อเพิ่มความปังของร้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่ต้องสนใจและควรให้ความสำคัญ นั่นก็คือ ภาษีขายของออนไลน์
ภาษี ถือเป็นรายได้ของประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะต้องเสียภาษี มีหลายๆ คน เข้าใจผิดว่าการขายของออนไลน์นั้น ไม่จำเป็นต้องยื่นภาษี ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อเรามีรายได้เข้ามาเกินที่กำหนด ผู้มีรายได้ทุกคนต้องมีการยื่นภาษี ไม่ว่ารายได้จะถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นการขายของออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ต้องมีการเสียภาษีเช่นกัน โดยภาษีของการขายของออนไลน์ นับเป็นภาษีเงินได้ ถูกจัดอยู่ในเงินได้ประเภทที่ 8 คือเงินได้จากการค้าขาย
ซึ่งจะมีการแบ่งการคำนวณเป็นสองประเภท คือ
คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปและมีรายได้เกิดขึ้น ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนด
แม่ค้าออนไลน์มือใหม่ ที่มีฐานะเป็นบุคคลธรรมดา เมื่อมีรายได้จาการขายของออนไลน์ตั้งแต่ 60,000 บาทต่อปี จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่มีฐานะเป็นบุคคลธรรมดา จะต้องมีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ คือ แบบหักตามจริง และแบบเหมา 60%
ภาษีที่ควรรู้และต้องยื่นสำหรับแม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่เป็นบุคคลธรรมดา คือ คือ ภ.ง.ด. 94 และ ภ.ง.ด. 90 โดยจะต้องยื่นภาษีตามที่กรมสรรพากรกำหนด ดังนี้
คือ ภาษีที่จัดเก็บจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ และบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี
แม่ค้าออนไลน์มือใหม่ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลทั้ง ห้างร้าน บริษัท จะต้องมีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้แบบหักตามจริงเท่านั้น โดยวิธีนี้จะทำให้บริษัท ห้างร้าน สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง โดยแม่ค้าออนไลน์จะต้องมีการเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ
ทั้งนี้ แม่ค้าออนไลน์มือใหม่บางท่านที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องมีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องจดทะเบียน VAT และยื่นภาษีทุก ๆ เดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป และมีหน้าที่ต้องออก ใบกำกับภาษี ให้กับลูกค้าด้วย
อย่าลืม! ยื่นชำ…
คำถาม : มาตรการ…
การตรวจสอบ…
ผู้ที่ม…
Easy E-Receipt …
บริษัท …
This website uses cookies.