เราคงได้ยินและเห็นกันอยู่บ่อยๆ สำหรับคำว่า “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” (Value Added Tax) หรือ Vat คือ การเก็บภาษีจากการขายสินค้า หรือให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิตและจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการทั้งที่ผลิตภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ในปัจจุบันผู้ประกอบการในประเทศไทยจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้บริโภคอัตราร้อยละ 7 หรือ 7% และจะนำส่งให้กับกรมสรรพากรนั่นเอง
(ผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี ได้รับการยกเว้น แต่มีสิทธิแจ้งขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้)
เช่น การขายพืชผลทางการเกษตร การขายสัตว์ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ปุ๋ย อาหารสัตว์ ยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือตำราเรียน
เช่น การให้บริการวิจัยหรือให้บริการทางวิชาการ การให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ (ซึ่งมิใช่เป็นการขนส่งโดยอากาศยาน หรือ เรือเดินทะเล) การให้บริการเช่าอสังหาริมทรัพย์ การให้บริการตามสัญญาจ้างแรงงาน การให้บริการห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ การให้บริการของราชการส่วนท้องถิ่น
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจัดทำใบกำกับภาษีและสำเนาใบกำกับภาษี สำหรับการขายสินค้าหรือให้บริการทุกครั้ง แล้วส่งมอบต้นฉบับใบกำกับภาษีแก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการ และ เก็บรักษาสำเนาใบกำกับภาษี ณ สถานประกอบการเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
ภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ระบุไว้ในใบกำกับภาษี
ภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบกำกับภาษี
ภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่รับมาหรือจ่ายไป
(ผู้ประกอบกิจการให้บริการไม่ต้องจัดทำรายงานนี้)
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ขอบคุณข้อมูล : กรมสรรพากร
อย่าลืม! ยื่นชำ…
คำถาม : มาตรการ…
การตรวจสอบ…
ผู้ที่ม…
Easy E-Receipt …
บริษัท …
This website uses cookies.